การเลือกโรงเรียน international school bangkok ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของเด็ก และผู้ปกครองให้ได้มากที่สุด

โรงเรียนนานาชาติเป็นสถานศึกษาที่มีการนำหลักสูตรของต่างประเทศเข้ามาใช้ ซึ่งหลักสูตรที่ใช้ในโรงเรียนนานาชาติมักจะเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น International Baccalaureate (IB), British curriculum (IGCSE, A-Levels), American curriculum (Advanced Placement, Common Core), หรือหลักสูตรอื่นๆ ที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้สามารถนำไปต่อยอดได้หากต้องการไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมทางด้านภาษาเพราะเด็กๆ ที่มาเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จะมาจากหลายประเทศ หลายเชื้อชาติ ทำให้เด็กๆ สามารถพูดและได้รู้หลายภาษา โดยเฉพาะ international school bangkok ที่จะมีเด็กๆ ต่างชาติเยอะ ทำให้ได้ภาษาที่ สาม สี่ อย่างเช่นภาษาจีน, ภาษาสเปน, หรือภาษาฝรั่งเศส และยังเป็นสถานที่เปิดกว้างในเรื่องต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ได้อย่างเต็มที่โดยเฉพาะเรื่องวัฒนธรรม อีกทั้งทางโรงเรียนมักมีกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความเข้าใจ เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างๆ ทำให้เด็กสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้ง่ายขึ้น รวมถึงเข้าใจให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน  ดังนั้นหากผู้ปกครองท่านไหนที่กำลังมองหาที่เรียนให้กับเด็กๆ อยู่แต่ยังไม่รู้ว่าควรที่จะต้องเริ่มดูจากตรงไหนก่อนดีตามมาทางนี้ได้เลยค่ะ เราจะบอกถึงรายละเอียดคร่าวๆ ถึงสิ่งที่ต้องรู้ในการเลือกที่เรียนให้เด็กๆ กับคุณเองว่าแล้วก็ตามมาทางนี้ได้เลยค่ะ

สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาหลักๆ ในการเลือกที่เรียนให้กับเด็ก

  1. หลักสูตรการศึกษา ตรวจสอบหลักสูตรที่โรงเรียนนำเสนอว่าตรงกับความต้องการและเป้าหมายการศึกษาของลูกหลานของคุณหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หลักสูตร International Baccalaureate (IB), หลักสูตรอเมริกัน, หลักสูตรอังกฤษ (IGCSE, A-Levels) เป็นต้น
  2. หาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติ และคุณภาพบุคลากรครูผู้สอน ตลอดจนผลลัพธ์การเรียนของนักเรียน เช่น ผลสอบสากล การเข้ามหาวิทยาลัย และรีวิวจากผู้ปกครองคนอื่นๆ
  3. ดูสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ในโรงเรียนว่ามีความพร้อมต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ไหม เช่น ห้องเรียน, ห้องแล็บ, สนามกีฬา, ห้องสมุด และโรงอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของคุณจะได้รับการศึกษาในสภาพแวดล้อมที่ดีและสนับสนุนต่อการเรียนรู้
  4. ภาษา หากลูกหลานของคุณไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ควรตรวจสอบว่าโรงเรียนมีการสนับสนุนเรื่องภาษาอย่างไร เช่น มีคอร์สเสริมภาษาอังกฤษหรือไม่
  5. วัฒนธรรมและความหลากหลาย เลือกโรงเรียนที่มีวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง และยอมรับความหลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยให้นักเรียนปรับตัวและเติบโตไปเป็นคนที่มีคุณภาพ
  6. ระยะทางและความสะดวกในการเดินทาง พิจารณาความสะดวกในการเดินทางไปโรงเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของคุณสามารถเดินทางไปมาได้อย่างปลอดภัยและสะดวก
  7. ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทบทวนค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่ายูนิฟอร์ม ค่าทริปศึกษาภาคสนาม ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเลือกโรงเรียน
  8. พูดคุยกับชุมชน พยายามติดต่อกับผู้ปกครองหรือนักเรียนที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนั้นๆ เพื่อรับข้อมูลจากประสบการณ์จริงของพวกเขา

หลักสูตรของ international school bangkok ส่วนใหญ่จะมี 3 แบบ

  1. International Baccalaureate (IB)
  2. ระดับต้น (IB Primary Years Programme หรือ PYP) สำหรับนักเรียนอายุ 3 – 12 ปี
  3. ระดับกลาง (IB Middle Years Programme หรือ MYP) สำหรับนักเรียนอายุ 11 – 16 ปี
  4. ระดับประกาศนียบัตรนานาชาติ (IB Diploma Programme หรือ IBDP) สำหรับนักเรียนอายุ 16 – 19 ปี

เมื่อกล่าวถึงหลักสูตร IB คนมักจะหมายถึงหลักสูตรการศึกษาระดับที่ 3 (IBDP) ซึ่งเป็นช่วงต่อของมัธยมปลายกับมหาวิทยาลัย จึงได้รับความสนใจจากนักเรียนที่มีความสนใจไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่ต่างประเทศ รวมถึงประเทศ

เยอรมนีด้วยหลักสูตรอังกฤษ (British Curriculum)

  • IGCSE: สำหรับนักเรียนชั้น Year 10 ถึง Year 11 (อายุประมาณ 14-16 ปี) เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการศึกษา A-Levels
  • A-Levels: สำหรับนักเรียนชั้น Year 12 ถึง Year 13 (อายุประมาณ 16-18 ปี) มักใช้เป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ามหาวิทยาลัย
  • หลักสูตรอเมริกัน (American Curriculum)
  • ระดับอนุบาล kindergarten (KG)
  • ระดับประถมศึกษา Elementary School (Grades 1-5)
  • มัธยมศึกษาตอนต้น Middle School (Grades 6-8)
  • มัธยมศึกษาตอนปลาย High School (Grades 9-12)

เตรียมตัวยังไงก่อนส่งลูกเข้าเรียน international school bangkok

  • ศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรและวัฒนธรรมของโรงเรียนที่คุณสนใจ
  • การทดสอบความสามารถทางภาษา หากไม่ใช่เจ้าของภาษา อาจจำเป็นต้องทำการทดสอบความสามารถทางภาษา เช่น TOEFL หรือ IELTS
  • เตรียมเอกสาร รวบรวมเอกสารที่จำเป็น เช่น ใบรายงานผลการเรียน หนังสือรับรอง และแบบฟอร์มการสมัคร
  • การปรับตัว หาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อช่วยในการปรับตัว
  • การพัฒนาทักษะ ฝึกทักษะที่จำเป็น เช่น ทักษะการเรียนรู้ที่เป็นอิสระและการจัดการเวลา
  • การติดต่อสื่อสาร ติดต่อกับโรงเรียนเพื่อขอคำแนะนำหรือคำตอบสำหรับคำถามใดๆ ที่อาจมี

ถึงแม้ว่าค่าเทอม international school bangkok (โรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพ) จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเด็กๆ จะไม่ใช่ว่าจะได้รับความรู้เรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกเพียบ รวมถึงสภาพแวดล้อมดีๆ มีเพื่อน มีสังคมดีๆ เพราะเด็กส่วนใหญ่ที่มาเรียนในโรงเรียนนานาชาติล้วนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีในระดับหนึ่งทำให้การเลี้ยงดู อบรม และสั่งสอนเด็ก ให้ไปในทางที่ถูกต้องได้ นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบอีกหลายๆ ส่วนช่วยส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพที่สุดได้ค่ะ

เจลแต้มสิวตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้ของคนเป็นสิว

                เมื่อมีสิวผุดขึ้นมาบนใบหน้า โดยเฉพาะสิวที่เกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อคงนิ่งนอนใจกันไม่ได้ ยิ่งสำหรับสาวๆ ที่ให้ความสำคัญกับความสวยความงาม คงจะทำให้เกิดความกังวลใจกันมากทีเดียว หากอยากให้สิวมันหายไวๆ ก็ต้องหาตัวช่วยดีๆ ที่คงไม่พ้นตัวช่วยอย่างเจลแต้มสิว ที่ควรรีบหามาใช้โดยด่วนก่อนการอักเสบของสิวจะลุกลามใหญ่โตขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สิวที่กำลังสร้างปัญหาบนใบหน้ายุบลงเร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลใจหรือทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เพราะบางคนสิวอักเสบมากจนมีอาการเห่อและบวมขึ้นมา บางรายร้ายแรงจนถึงกับต้องนั่งปวดสิวกันเลยก็มี ทำให้เสียความมั่นใจไปอีกจนแทบไม่อยากออกจากบ้านเลยทีเดียว

มีวิธีแบบธรรมชาติอยู่หลายวิธีที่ช่วยในการรักษาสิว ทั้งการใช้สมุนไพรต่างๆ แต่คงต้องให้เวลากันอยู่สักหน่อยและคงไม่เหมาะกับชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของคนสมัยนี้ เจลแต้มสิวจึงเป็นตัวช่วยที่เหมาะสำหรับปัจจุบันมากที่สุด เพราะไม่ต้องเสียเวลา แต่ให้การรักษาที่เห็นผลได้อย่างชัดจนและรวดเร็ว ช่วยให้สิวยุบลงและแห้งเร็วขึ้น แถมยังช่วยในการป้องกันการเกิดสิวใหม่ ช่วยลดกรดไขมันอิสระที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและติดเชื้อในที่สุด ซึ่งเชื้อที่ว่านี่ก็คือเชื้อแบคทีเรียตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสิวอักเสบเลยทีเดียว แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นเพราะเจลแต้มสิว ยังสามารถช่วยในการสมานรอยสิว ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าสิวนั้นไม่ใช่เป็นแล้วหาย หายแล้วหายเลย เพราะพอสิวหายแต่ยังสามารถยังทิ้งรอยดำ รอยแผลเป็นหรือหลุมสิวเอาไว้ให้อีกด้วย

การรักษาสิวที่ถูกวิธีนั้นต้องเริ่มกันตั้งแต่การดูแลตัวเอง การดูแลรักษาความสะอาดผิวหน้าให้ถูกวิธี ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เป็นสิวและเมื่อเป็นสิวแล้วไม่ควรแกะ เกา หรือบีบ แต่ควรกดออกอย่างถูกวิธี แล้วรักษาด้วยเจลแต้มสิวเป็นประจำ สิวก็จะหายเร็วขึ้นรอยต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นกลังเป็นสิวก็ค่อยๆ หายไปด้วยเช่นกัน

คอลลาเจนที่ผู้ชายควรทาน seoul secret for men

seoul-secret-for-men

seoul secret for men คือ คอลลาเจนที่ผลิตมาเพื่อดูแลคุณผู้ชาย เป็นคอลลาเจนแบบเม็ด ทานง่าย กลิ่นไม่คาว คอลลาเจนสำหรับผู้ชายสูตรนี้เป็นสูตรลับเสริมความแมน โดยทำมาจากคอลลาเจนเปบไทด์บริสุทธิ์จากเกาหลี และ Zinc (ซิงค์) แร่ธาตุธรรมชาติจากอเมริกา  ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูผิวให้เปล่งใส ลดริ้วรอย รูขุมขนกระชับ ลดการเกิดสิวอุดตันและรักษารอยแผลจากสิว ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศชายให้ตื่นตัว ประสาทสัมผัสต่างๆ ดีขึ้น ประโยชน์จาก Zinc เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกาย และช่วยให้ร่างกายดำรงความสมดุลในผู้ใหญ่ ช่วยสร้างเซลล์ เสริม Zinc ประกอบด้วยเอ็นไซม์ที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระโดยปัจจัยต่างๆ Zinc จะเข้าไปบำรุงระบบสืบพันธ์ บำรุงระบบประสาท และสร้างความแข็งแรงให้กับสเปิร์ม จึงนิยมนำมาเป็นแร่ธาตุเสริมสร้างเรื่องความฟิตของผู้ชาย

seoul secret for men ต่างจากยี่ห้ออื่นยังไง

  1. เป็นครั้งแรกของคอลลาเจนสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ
  2. คอลลาเจนแท้ที่ได้เพิ่มคุณค่าของ ZINC แร่ธาตุสำคัญจำเป็นสำหรับผู้ชาย
  3. seoul secret for men ต่างเป็น collagen peptide บริสุทธิ์ แท้ 100% ไม่ใส่สารเร่งหรือสารสังเคราะห์
  4. คอลลาเจนแท้ๆ ที่มีโมเลกุลเบามาก อัลต้าโลว์โมเลกุล ดูดซึมได้ดีมาก เพิ่มน้ำในผิว ไม่ทำให้อ้วน ยังทำให้น้ำในไขข้อดีขึ้น
  5. seoul secret for men เป็นคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก มีความบริสุทธิ์มาก ปราศจากสารพิษ
  6. เป็นคอลลาเจนแบบเม็ด แบบเพียวๆ ทานง่าย ไม่คาว นำเข้าจากเกาหลี 100%
  7. seoul secret for men ที่ไม่อัดมิลลิกรัมมากเกินไป ดูดซึมง่าย ทำให้ไม่อ้วน ไม่มีผลย้อนกลับ เมื่อหยุดทาน
  8. สะดวก เหมาะกับคุณผู้ชาย ที่ทำให้พกพาสะดวกด้วยซองแบบซิป

seoul secret for men กำลังดัง ต่างเหมาะสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สถาพผิวหน้าเรื่มมีสัญญาณเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ผู้ที่พักผ่อนน้อย ผู้ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ  ผู้ดื่มแอลกอฮอลล์ สูบบุหรี่ ผู้ที่ออกแดดบ่อยๆ โดนแดดทำร้ายผิวบ่อยๆ ผลที่ได้รับรับหลังการทาน

คำถามยอดฮิต beta-curve ต่างจาก lipo8 ยังไงนะ

สำหรับผู้ที่กำลังเลือกทานอาหารเสริมลดความอ้วนอยู่ ไม่รู้ว่าจะเลือกทานตัวไหนดี ระหว่าง beta-curve กับ lipo8 จะมีคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อยๆ วันนี้เลยขออธิบายด้วยภาษาชาวบ้าน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ว่า มันดีทั้งสองตัวค่ะ อยู่ที่พฤติกรรมการกินอาหารของแต่ละคนด้วยค่ะ ถ้าเป็นคนที่ชอบทานข้าวเยอะ ทานจุกจิก ชอบทานขนมขบเคี้ยวโดยมากก็ทำมาจากแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก อันนี้ก็ต้องทาน lipo8 ดีกว่า beta-curve  ค่ะ

จะกิน beta-curve เราก็ต้องรู้ว่าระบบร่างกายของคนเราจะย่อยข้าวไปเป็นแป้ง ย่อยแป้งไปเป็นน้ำตาล และย่อยจากน้ำตาลไปเป็นไขมันสะสมหรือพลังงานนั่นเอง โดยเราจะได้ผลพลอยได้ก็คือสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะไม่ขึ้นหรือบ้างคนอาจจะลดลงด้วยซ้ำไป โดยสังเกตได้ว่าคนที่มีน้ำหนักมาก ๆ มักจะเป็นเบาหวานด้วย นั่นก็เพราะว่าทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากเกินไป จึงทำให้เกิดการสะสมตามร่างกายทำให้มีน้ำหนักมากหรืออ้วนนั่นเอง

สำหรับ beta-curve สำหรับบางคนที่ว่าเราก็ทานอาหารปกติแต่ทำไมน้ำหนักเราขึ้นเอาๆ ในตัว Beta-curve เค้าจะลดส่วนผสมบางตัวจาก lipo8 ลงไปแล้วไปเพิ่มบางตัวเข้ามา

ใน beta-curve นั้นได้มีไคโตซาน 150 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 100 mg  มีถั่วขาว 100 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 250 mg มีส้มแขก 60 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 250 mg

จากส่วนผสม 3 ตัวนี้เราจะเห็นว่าในตัว ผลิตภัณฑ์ beta-curve จะเน้นไปทางดักจับไขมัน แต่เรื่องการบล็อกแป้งและน้ำตาลจะสู้ lipo8 ไม่ได้ แล้วที่เหลือไปไหน ตอนนี้ beta-curve มีส่วนผสมแค่ 310 mg แต่ lipo8 มี 600 mg ตอบเลยว่าไม่ได้หายไปไหนค่ะ เค้าไปเพิ่มตัวอื่นเข้ามาค่ะโดยเน้นเรื่องการเผาผลาญเข้ามาค่ะ คือ สารสกัดจากกระบองเพชร สารสกัดจากพริก แอลคานิทีน เบต้ากูลแคน โครเมี่ยม ยังเสริมด้วยวิตามินบี 6 ช่วยเรื่องระบบประสาท

ทีนี้เราก็คงจะเลือกให้กับตัวเราเองได้แล้วว่าเราควรเลือกตัวไหนที่ดีที่สุดสำหรับเรา อย่าง beta-curve