สำหรับผู้ที่กำลังเลือกทานอาหารเสริมลดความอ้วนอยู่ ไม่รู้ว่าจะเลือกทานตัวไหนดี ระหว่าง beta-curve กับ lipo8 จะมีคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อยๆ วันนี้เลยขออธิบายด้วยภาษาชาวบ้าน ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ว่า มันดีทั้งสองตัวค่ะ อยู่ที่พฤติกรรมการกินอาหารของแต่ละคนด้วยค่ะ ถ้าเป็นคนที่ชอบทานข้าวเยอะ ทานจุกจิก ชอบทานขนมขบเคี้ยวโดยมากก็ทำมาจากแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก อันนี้ก็ต้องทาน lipo8 ดีกว่า beta-curve ค่ะ
จะกิน beta-curve เราก็ต้องรู้ว่าระบบร่างกายของคนเราจะย่อยข้าวไปเป็นแป้ง ย่อยแป้งไปเป็นน้ำตาล และย่อยจากน้ำตาลไปเป็นไขมันสะสมหรือพลังงานนั่นเอง โดยเราจะได้ผลพลอยได้ก็คือสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะไม่ขึ้นหรือบ้างคนอาจจะลดลงด้วยซ้ำไป โดยสังเกตได้ว่าคนที่มีน้ำหนักมาก ๆ มักจะเป็นเบาหวานด้วย นั่นก็เพราะว่าทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากเกินไป จึงทำให้เกิดการสะสมตามร่างกายทำให้มีน้ำหนักมากหรืออ้วนนั่นเอง
สำหรับ beta-curve สำหรับบางคนที่ว่าเราก็ทานอาหารปกติแต่ทำไมน้ำหนักเราขึ้นเอาๆ ในตัว Beta-curve เค้าจะลดส่วนผสมบางตัวจาก lipo8 ลงไปแล้วไปเพิ่มบางตัวเข้ามา
ใน beta-curve นั้นได้มีไคโตซาน 150 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 100 mg มีถั่วขาว 100 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 250 mg มีส้มแขก 60 mg ซึ่งใน lipo8 จะมี 250 mg
จากส่วนผสม 3 ตัวนี้เราจะเห็นว่าในตัว ผลิตภัณฑ์ beta-curve จะเน้นไปทางดักจับไขมัน แต่เรื่องการบล็อกแป้งและน้ำตาลจะสู้ lipo8 ไม่ได้ แล้วที่เหลือไปไหน ตอนนี้ beta-curve มีส่วนผสมแค่ 310 mg แต่ lipo8 มี 600 mg ตอบเลยว่าไม่ได้หายไปไหนค่ะ เค้าไปเพิ่มตัวอื่นเข้ามาค่ะโดยเน้นเรื่องการเผาผลาญเข้ามาค่ะ คือ สารสกัดจากกระบองเพชร สารสกัดจากพริก แอลคานิทีน เบต้ากูลแคน โครเมี่ยม ยังเสริมด้วยวิตามินบี 6 ช่วยเรื่องระบบประสาท
ทีนี้เราก็คงจะเลือกให้กับตัวเราเองได้แล้วว่าเราควรเลือกตัวไหนที่ดีที่สุดสำหรับเรา อย่าง beta-curve